แนวโน้มตลาดทองคำระวังผันผวนแรง

ราคาทอง Spot ย่อลงแล้วดีดกลับ ทำให้ดูเหมือนรับข่าวไปแล้ว แต่ที่จริงยังถูกดอลลาร์กดต่อเนื่อง จึงต้องเฝ้าระวังว่าราคาอาจแกว่งแรงได้ทุกเมื่อ

บทวิเคราะห์ราคาทอง บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด รายงานว่า ราคาทองคำ Spot ถูกเทขายให้ร่วงลงมาในช่วงต้นของวันวานนี้ ก่อนที่จะมีแรงซื้อดันให้ราคาดีดกลับ เช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นๆส่วนใหญ่ในตลาด ทำให้เมื่อดูราคาปิดแล้วจะเห็นว่าแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่ในตลาดตราสารหนี้ แต่ทว่า sentiment โดยรวมยังคงถูกกดดันจากการมองไม่เห็นจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ย

ซึ่งตลาดได้แสดงความเชื่อมั่นนี้ผ่านทางเครื่องมือ FedWatch Tool ที่ล่าสุดชี้ว่า มีโอกาสที่เฟดจะมีมติให้ดีดดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.50% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. สูงถึงเกือบ 80% จึงเป็นแรงกดสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำที่ดูเหมือนจะรับรู้ข่าวนี้ไปแล้ว มีโอกาสจะร่วงลงไปได้อีก ทั้งนี้ กองทุน SPDR Gold Trust ไม่มีการเปลี่ยนแปลงยอดสุทธิ ณ สิ้นวัน และยังคงถือครองทองคำจำนวน 906.62 ตัน

แนวโน้มตลาดทองคำ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม

ช่วงเช้า ติดตามอัตราเงินเฟ้อของจีน ผ่านตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต ประจำเดือน ก.พ. ส่วนคืนนี้มีรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน รายสัปดาห์ จากทางสหรัฐฯ

แนวโน้มราคาทอง

สัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นเตือนให้ระวังการหลุด 1,810 ดอลลาร์ จะเป็นการส่งสัญญาณขายกดให้ราคาทองคำ Spot หลุดเส้น EMA 200 วัน ที่ 1,805 ดอลลาร์ และแนวจิตวิทยา 1,800 ดอลลาร์ ลงมาพร้อมกัน ขณะที่การสวิงขึ้นดูจะเป็นไปได้ยากจากแรงกดดันของเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า จึงแนะให้รอจังหวะชอร์ตเมื่อดีดขึ้น จะได้เปรียบกว่าการดักจังหวะซื้อสวนตลาด สำหรับวันนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,810 ดอลลาร์ และ 1,780 ดอลลาร์ และมองแนวต้านไว้ที่ 1,822 ดอลลาร์ และ 1,831 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

  • แนวรับ 1,810 และ 1,780 ดอลลาร์
  • แนวต้าน 1,822 และ 1,831 ดอลลาร์

ราคาทองคำแท่ง 96.5%

  • แนวรับ 29,950 และ 29,450 บาท
  • แนวต้าน 30,200 และ 30,350 บาท

GOLD FUTURES (GF10J23)

  • แนวรับ 30,150 และ 30,050 บาท
  • แนวต้าน 30,410 และ 30,550 บาท

แนะนำการลงทุน

แนะนำรอเข้าซื้อ เมื่อราคาทอง Spot ปรับลงบริเวณแนวรับ1,810 ดอลลาร์ (GF 30,150บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 30,050บาท)

GOLD ONLINE FUTURES (GOH23)

  • แนวรับ 1,817 และ 1,787 ดอลลาร์
  • แนวต้าน 1,829 และ 1,838 ดอลลาร์

แนะนำการลงทุน

แนะนำรอเข้าซื้อ เมื่อราคาสัญญา GOH23 ปรับตัวลงมาบริเวณที่ 1,817 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,807 ดอลลาร์

USD FUTURES (USDH23)

  • แนวรับ 34.40 บาท
  • แนวต้าน 35.50 บาท

แนะนำการลงทุน

เงินบาทอ่อนค่ามายังบริเวณ 35 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง จากที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ทั้งนี้คาดว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ต่อ โดยสัญญา USDH23 มีแนวต้านที่ 35.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับ 34.40 บาท/ดอลลาร์

SILVER ONLINE FUTURES (SVFH23)

  • แนวรับ 19.80 ดอลลาร์
  • แนวต้าน 21.10 ดอลลาร์

แนะนำการลงทุน

ราคาโลหะเงินปรับตัวลงต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าราคาโลหะเงินมีแนวโน้มปรับตัวลงได้ต่อ โดยให้เปิดสถานะขายสัญญา SVFH23 บริเวณ 21.10 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับที่ 19.80 ดอลลาร์

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ค่าเงินบาทวันนี้ 13/1/66 เปิดที่ระดับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น

ค่าเงินบาทวันนี้ 13/1/66 เปิดที่ระดับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ แข็งค่าขึ้น 33.10 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้

คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.30 บาทต่อดอลลาร์นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.36 บาทต่อดอลลาร์ นวโน้มค่าเงินบาท มองว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมานั้น มาจากปัจจัยหลักทั้ง การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ซึ่งสำหรับใน

วันนี้ ในภาวะตลาดเปิดรับความเสี่ยง ประเมินว่า เงินบาทก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง โดยมีโอกาสที่ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 33 บาทต่อดอลลาร์ (หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 33.25 บาทต่อดอลลาร์ที่ประเมินไว้ก่อนหน้า) ทั้งนี้ มองว่า เงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นแรงจนหลุดแนวรับสำคัญ เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการขายทำกำไรสถานะ Short USDTHB ของผู้เล่นต่างชาติมากขึ้น นอกจากนี้ ประเมินว่า บรรดาผู้ส่งออกอาจไม่ได้รีบเข้ามาขายเงินดอลลาร์ เพราะส่วนใหญ่อาจรอจังหวะให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง อาทิ อ่อนค่าใกล้โซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์

ข่าวอื่นๆ เจาะขุมทรัพย์ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของเทวีมิสแกรนด์ ที่ไม่ได้มีแค่ธุรกิจนางงาม

เจาะขุมทรัพย์ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของเทวีมิสแกรนด์ ที่ไม่ได้มีแค่ธุรกิจนางงาม

เจาะขุมทรัพย์ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของเทวีมิสแกรนด์ ที่ไม่ได้มีแค่ธุรกิจนางงาม

เศรษฐกิจ

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล มีขุมทรัพย์ธุรกิจพรึ่บ! แถมกวาดรายได้-กำไร งามๆ มาหลายปีซ้อน ณวัฒน์ อิสรไกรศีล พิธีกรมากความสามารถ เจ้าของเวทีการประกวดนางงาม “มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล” ซึ่งกว่ามาถึงจุดนี้ได้ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ โดยเมื่อสมัยเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษา ณวัฒน์ ได้ตระเวนออกรางการเกมโชว์หลายรายการ จนได้รับรางวัลมากมายถึงขั้นส่งตนเองเรียนจนจบ จากนั้นก็เริ่มต้นมีประสบการณ์การเดินทางไปต่างประเทศ จากการได้รับรางวัล ต่อมาได้เป็นพนักงานฝ่ายการตลาดของบริษัทรถยนต์ควบคู่ไปกับการเรียนในระดับชั้นปริญญาตรี ก่อนเปลี่ยนผันตัวเองไปเป็นมัคคุเทศก์ ตระเวนเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และได้เปิดบริษัทนำเที่ยวเป็นของตนเอง ก่อนชีวิตจะเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อถูกชักนำเข้าสู่วงการบันเทิง โดยผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในยุคแรก

นอกจากนี้ ณวัฒน์ ได้เริ่มต้นผลิตรายการโทรทัศน์หลายประเภท ทั้งรายการดาวค้างฟ้า ,เปิดเมืองแปลก หรือคุยแหกโค้ง ก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญาร่วมงานกับ บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ในตำแหน่งพิธีกรผู้ประกาศซ และ Executive Producer ทำให้มีผลงานกับทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จากการเป็นพิธีกรผู้ประกาศข่าว รายการ ก๊วนข่าวเช้าวันหยุด , รายการทูไนท์โชว์ และรายการครัวคุณต๋อย

ณวัฒน์ ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการกองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ และ ทำหน้าที่พิธีกรบนเวทีดังกล่าว มาตั้งแต่ปี 2550-2555 ขณะเดียวกันก็ยังมีผลงานรายการโทรทัศน์ผ่านสถานีโทรทัศน์อื่นๆ ควบคู่ไปด้วย และเมื่อปี 2555 ได้หมดสัญญาการเป็นผู้อำนวยการกองประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ จึงได้ติดต่อ ทาง MUO เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ แต่ทาง MUO ปฏิเสธที่จะขายลิขสิทธิ์ จึงผันตัวเองมาตั้งเวทีการประกวดสาวงามในปี 2556 โดยใช้ชื่อว่า “มิสแกรนด์ไทยแลนด์” (Miss Grand Thailand) โดยร่วมกับทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 แพร่ภาพออกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

นอกจากนั้นยังเป็นประธานและผู้ก่อตั้งเวทีการประกวดสาวงามระดับนานาชาติ โดยใช้ชื่อว่า “มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล” ซึ่งถือเป็นเวทีระดับนานาชาติเวทีแรกของโลกที่มีจุดกำเนิดและก่อตั้ง จนตอนหลังได้ไปประกวดที่ช่องวัน 31

ซึ่งนอกจาก ณวัฒน์ มีเวทีการประกวดสาวงามแล้ว เข้ายังมีธุรกิจอื่นๆ ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนอีกเพียบ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบมีรายชื่อนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ปรากฎนั่งเป็นกรรมการบริษัทหลายแห่งดังนี้

บริษัท โบอิ้ง ฮอลิเดย์ ทัวร์ แอนด์ ทราเวล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2539 โดยมีรายชื่อนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เป็นกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน ให้บริการนำเที่ยว ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

  • ปี 2560 รายได้ 172,783.52 บาท ขาดทุน 170,098.63 บาท
  • ปี 2561 รายได้ 2,620,193.40 บาท กำไร 611,797.08 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 209,259.66 บาท ขาดทุน 1,751,489.75 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 80,491.97 บาท ขาดทุน 68,211.10 บาท
  • ปี 2564 รายได้ 50.80 บาท ขาดทุน 23,351.59 บาท

บริษัท ฮอลิเดย์ เทเลวิชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2545 โดยมีรายชื่อนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เป็นกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

  • ปี 2560 รายได้ 32,722,048.75 บาท กำไร 608,373.01 บาท
  • ปี 2561 รายได้ 30,645,601.89 บาท ขาดทุน 4,839,915.75 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 22,226,415.05 บาท ขาดทุน 171,628.99 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 27,741,369.11 บาท ขาดทุน 2,924,202.75 บาท
  • ปี 2564 รายได้ 245,074.45 บาท ขาดทุน 89,971.81 บาท

บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2556 โดยมีรายชื่อนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ดำเนินธุรกิจขายสินค้าส่งและขายปลีก ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามและผลิตภัณฑ์อาหาร ทุนจดทะเบียน 75 ล้านบาท ปัจจุบันมีสถานะนิติบุคคลเป็นแปรสภาพเป็นบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2565 โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

  • ปี 2560 รายได้ 19,082,927.19 บาท กำไร 2,768,476.67 บาท
  • ปี 2561 รายได้ 33,254,268.45 บาท กำไร 1,128,431.44 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 131,433,313.38 บาท กำไร 7,718,416.49 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 341,671,848.38 บาท กำไร 44,295,689.23 บาท
  • ปี 2564 รายได้ 345,095,122.00 บาท กำไร 29,005,574.00 บาท

นอกจากนี้ ยังพบว่านายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ยังเคยมีบริษัท กาแฟนม จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2544 ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอาง ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ปัจจุบันมีสถานะนิติบุคคลเป็นเสร็จการชำระบัญชีเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2551

แนะนำข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติม :  PIN เร่งเครื่องลงทุนสร้างฐานรายได้หวัง 3 ปี

PIN เร่งเครื่องลงทุนสร้างฐานรายได้หวัง 3 ปี

PIN เร่งเครื่องลงทุนสร้างฐานรายได้หวัง 3 ปี ดันสัดส่วนรายได้ 50%

 

ข่าว เศษฐกิจ

 

ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN เร่งเดินหน้าสร้างการเติบโตกลุ่มธุรกิจ Recurring Income หวังสร้างมั่นคงและยั่งยืนแก่ผลการดำเนินงานในระยะยาว ตั้งเป้า 3 ปี ดันสัดส่วนรายได้จากกลุ่มนี้เพิ่มเป็น 50% ตามแผน

วันที่ 12 กันยายน 2565 นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า PIN มุ่งสร้างพอร์ตรายได้ประจำและสม่ำเสมอ (Recurring Income) ปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 23.1% ของรายได้ ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจการให้บริการพื้นที่ส่วนกลางและสาธารณูปโภค มีสัดส่วน 17.3% และกลุ่มธุรกิจการให้บริการเช่าอาคารโรงงานและคลังสินค้า มีสัดส่วน 5.8% โดยวางเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้รวมจาก 2 กลุ่มธุรกิจดังกล่าว เป็น 50% ของรายได้รวมทั้งหมด

ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเพิ่มการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค ที่เอื้อต่อขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยรอบ เช่น โครงการบำบัดน้ำเสีย ที่มีการให้บริการรับตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพน้ำแก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนห้อง Lab กับหน่วยงานภาครัฐ คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในต้นปี 2566

หรือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อยู่ระหว่างการลงทุนติดตั้งระบบ Solar Rooftop บนหลังคาโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1-5 พื้นที่รวม 1.3 ล้านตารางเมตร และโครงการติดตั้ง Solar Floating บนบ่อน้ำของนิคมอุตสาหกรรม เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ เป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 80 เมกะวัตต์ ภายใต้งบฯลงทุน 1,600 ล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม โดยจะแล้วเสร็จเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 1/2566